เอกลักษณ์กาแฟไทย สุดยอดกาแฟโลก

ด้วยพระบารมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9


หมู่บ้านดอยช้างซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดเชียงรายและเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่สูงในภาคเหนือเฉกเช่นหลายๆ หมู่บ้าน ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ได้ทรงมีพระราชดำริตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 ให้เป็นพื้นที่ซึ่งต้องพัฒนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชากรรวมทั้งเพื่อลดการปลูกพืชเสพติดให้โทษ ดังนั้นในปี พ.ศ. 2512 จึงได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรชาวเขาปลูกพืชเมืองหนาวเพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นรวมทั้งมีการทดลองเริ่มปลูกกาแฟอราบิก้าตั้งแต่บัดนั้นและได้มีการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐมาเป็นระยะๆ จนถึง พ.ศ. 2526 ก็ได้มีการช่วยเหลือจากโครงการร่วมมือต่างๆ อาทิ ไทย-เยอรมัน , ไทย-เนแธอร์แลนด์ ผ่านกรมประชาสงเคราะห์ แต่เนื่องจากในอดีตกาแฟไทยยังไม่ได้รับการพัฒนาและไม่เป็นที่ยอมรับในตลาดเท่าที่ควร การจำหน่ายจึงต้องผ่านพ่อค้าคนกลางเป็นส่วนใหญ่ทำให้บางครั้งเกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบ บนพื้นที่ดอยช้างซึ่งมีเกษตรกร 40 ครอบครัวก็ได้รับพระราชทานพันธุ์กาแฟจากพระองค์ท่านผ่านกรมประชาสงเคราะห์และได้ปลูกกาแฟมาต่อเนื่องหลายสิบปี แต่ก็ไม่สามารถขายได้รวมทั้งถูกกดราคาเนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาและไม่มีสัญชาติไทย

กาแฟและการอยู่ร่วม


ในปี พ.ศ. 2545 เกษตรกรบ้านดอยช้างจึงได้มีความพยายามหาทางช่วยเหลือกันอย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นจากครอบครัวของ นายปณชัย พิสัยเลิศ ร่วมมือกับ นายวิชา พรหมยงค์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งบริษัทได้จัดตั้ง บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ขึ้นในปี พ.ศ. 2546 และมีนายพิษณุชัย แก้วพิชัย เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัทฯจัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์หลัก เพื่อให้กาแฟซึ่งปลูกโดยเกษตรกรบ้านดอยช้างสามารถจัดจำหน่ายได้ในราคาที่ยุติธรรมรวมทั้งทำแบรนด์กาแฟดอยช้างเพื่อให้เป็นที่รู้จักทั้งภายในและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพกาแฟดอยช้าง จากจุดเริ่มต้นของ บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล ในปี พ.ศ. 2546 ซึ่งตอนนั้นมีกาแฟรวมกันทั้งหมู่บ้านไม่กี่ร้อยไร่ แต่จากความตั้งใจและความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นของกลุ่มเกษตรกรและบริษัทฯ จึงทำให้เกษตรกรซึ่งประกอบด้วยชนเผ่า อาข่า ลีซู และจีนยูนนาน มีความมั่นใจมากขึ้นจนทำให้ปัจจุบันมีการปลูกกาแฟบนพื้นที่ดอยช้างประมาณ 30,000 ไร่

ภายในระยะเวลาไม่ถึง 15 ปี ในช่วงแรกขอการดำเนินการ บริษัทฯพบปัญหาและอุปสรรคมากมายเพราะเราขาดซึ่งองค์ความรู้และยังใหม่และยังอ่อนด้อย ทางการจัดจำหน่ายทำให้ต้องการมีการศึกษาและพัฒนาความรู้ให้กับเกษตรกร พร้อมๆไปกับการสร้างแบรนด์ รวมถึงพัฒนาคุณภาพเพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งผลตอบแทนที่ล้ำค่าที่สุดคือการได้สร้างสังคมของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและสันติของพี่น้องหลากวัฒนธรรมหลายเผ่าพันธุ์ และร่วมภาคภูมิใจในฐานะ “คนดอยช้าง คนปลูกกาแฟ”

การปลูกกาแฟควบคู่กับการสร้างป่า

เนื่องจากในอดีตหลังจากเลิกปลูกฝิ่น เกษตรกรได้หันมาปลูกพืชผักเมืองหนาวอายุสั้น ซึ่งต้องใช้น้ำในปริมาณที่มาก ส่งผลให้ผืนป่าถูกทำลายเป็นจำนวนมาก แต่กาแฟอราบิกาก็ต้องอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่จึงจะให้ผลผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ ดังนั้นเกษตรกรบ้านดอยช้างจึงได้ช่วยกันและพยายามสร้างและรักษาป่ารวมทั้งมีการปลูกต้นไม้ผลขนาดต่างๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก จนปัจจุบันได้ชื่อว่าปลูกกาแฟสร้างผืนป่า รวมถึงการควบคุมกระบวนการผลิตจากต้นน้ำจนไปสู่ถ้วยด้วยคุณภาพและการใส่ใจอย่างที่สุดเพื่อคุณภาพสูงสุดของกาแฟดอยช้าง

กาแฟไทยปักหมุดบนแผนที่กาแฟโลก

เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสามารถจัดจำหน่ายกาแฟแพร่หลาย จึงได้เน้นทำตลาดต่างประเทศในช่วงแรกๆ ทั้งในประเทศแถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ ส่วนตลาดทวีปเอเชียก็ได้ทำมาตั้งแต่ช่วงเริ่มก่อตั้งบริษัทฯ และกาแฟดอยช้างก็ได้มีผู้จัดจำหน่ายทั้งรูปแบบการร่วมทุนและตัวแทนจำหน่ายในหลายภูมิภาคต่างๆ ของโลก เพื่อให้การขยายตลาดต่างประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นในปี พ.ศ. 2549 จึงได้จัดตั้งบริษัทขึ้นที่ประเทศแคนาดาโดยร่วมมือกับธุรกิจชาวแคนาดา Mr. John M. Darch เพื่อเป็นพันธมิตรร่วมขยายธุรกิจกาแฟดอยช้างในตลาดสากล แต่เนื่องจากตลาดมีการเติมบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในปัจจุบัน บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ คัมปานี (แคนาดา) จึงเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ากาแฟดอยช้างในทวีปอเมริกาเหนือและประเทศสหราชอาณาจักรเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็ได้มีตัวแทนจำหน่ายสินค้ากาแฟดอยช้างและตัวแทนบริหารระบบแฟรนไชส์กระจายอยู่มากกว่า 10 ประเทศในภูมิภาคต่างๆ ของโลก

กาแฟดอยช้างธุรกิจเพื่อชุมชน


ปัจจุบันกาแฟดอยช้างได้ชื่อว่าเป็นการดำเนินงานในรูปแบบธุรกิจเพื่อชุมชนอย่างแท้จริง โดยการดำเนินงานและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในด้านต่างๆ ผ่านมูลนิธิกาแฟดอยช้าง (Doi Chaang Coffee Foundation) รวมทั้งให้การศึกษากับผู้ปลุกกาแฟและผู้ที่สนใจผ่านสถาบันกาแฟดอยช้าง ( Doi Chaang Academy of Coffee ) และจะพัฒนากาแฟ ชุมชน และสังคมของการอยู่ร่วมกัน เพื่อความยั่งยืนต่อไป

คิดดี...ทำดี...ทำให้ดีที่สุด ทุกๆ วัน


ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช